
คำสาปแช่งบนดอย สูง วิถีชีวิตของชาวดอยเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูงนั้นวัฒนธรรมพวกเขาเคยสงบอยู่นิ่ง มาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบัน
คำแช่งบนภูเขาสูง เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกยุคใหม่มากเพิ่มขึ้น คำสาปแช่งบนภูเขา
วัยรุ่นแต่งตัวเกาหลี วัฒนธรรมจากข้างนอกหลั่งไหลเข้าไปแล้วก็รับเอาโดยคนรุ่นใหม่อย่างไม่ยากเย็น
วิถีเก่าๆจึงค่อยๆจืดชืดลงไปตามยุคสมัย
แต่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างยังคงอยู่ ถึงแม้ยุคสมัยจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม
ในสมัยก่อนเรือกสวนนาของคนดอย ส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากหมู่บ้าน ลัดไปตามไหล่เขาไกลบ้างใกล้บ้าง
ด้วยเหตุว่าพื้นที่ปลูกพืชที่ดีๆหายาก แต่ละครอบครัวจึงต้องเดินเข้าป่าลึกเพื่อถากถากจองกันเองตามกำลัง
เมื่อพืชผลเจริญเติบโต ด้วยระยะทางจากบ้านมาก็ไกลโข ก็เลยกำเนิดความแคลงใจว่าแขกมิได้รับเชิญจะมาเก็บเอาผลผลิตไปโดยวิสาสะ
ก็เลยควรจะมีพิธีบูชาอะไรบางอย่างเกิดขึ้น….
เริ่มจากจัดเตรียมสำรับอาหารอาหารคาวขนมแล้วก็สุราสำหรับเซ่นสังเวยจนกระทั่งครบแล้ว จึงเริ่มการสวดมนตร์ด้วยมนต์ที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น
เวทมนตร์คาถานั้นเป็นคำสาปแช่งให้คนที่เอาของจากไร่โดยมิได้รับอนุญาตนั้นให้ไม่ประสบความสำเร็จ
จากนั้นผู้นำครอบครัวก็จะสั่งคนในบ้านว่า ห้ามกินของในไร่เป็นอันขาดจนกระทั่งจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้
ครอบครัวนี้มีลูกหลายคน แล้วก็หลายวัย
เด็กชายตัวเล็กๆติดตามบิดามารดาไปทำงานในไร่
อีกทั้งพ่ออีกทั้งแม่มัวแต่ยุ่งกับงานในไร่ ก็เลยไม่ได้พอใจลูก
ข้างลูกชายที่มัวเล่นเพลิดเพลิน ด้วยความหิว ก็เลยคว้าเอาพุทราผลหนึ่งเข้าปาก และตามด้วยอีกผลด้วยความเอร็ดอร่อย
จนถึงเย็นย่ำ สามพ่อแม่ลูกจึงเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน
ภรรยาปรุงอาหารเสร็จสรรพเรียบร้อย จึงเรียกทุกคนล้อมวงรับประทานข้าวกัน
ภายหลังจากกินได้ไม่นาน
ลูกชายคนเล็กก็ล้มลง ตัวโก่งตัวงอ ปากร้องว่า “เจ็บท้องๆ”
แม่สะดุ้งลนลาน รีบไปพบยาสมุนไพรแก้ปวดท้องมาให้กิน อาการก็ยังไม่ดีขึ้นกว่าเดิม
คนเป็นบิดาเริ่มเฉลียวใจว่าไม่น่าจะปวดท้องแบบปกติซะแล้ว ในใจนึกว่าขออย่าให้เป็นตามที่คิดเลย ทนไม่ไหวเหลือทนก็เลยถามลูกว่า
“ตอนกลางวัน นอกเหนือจากข้าวที่จัดแจงมา THE SHOCK มึงไปกินอะไรอีก”
ลูกชายฝืนใจตอบอย่างยากเย็นแสนเข็ญ
“พุทรา”
คนเป็นพ่อตระหนกตกใจ
พุทราตรงไหน”
“ในไร่พวกเรา”
“ฮ้า!!!…..”
บิดาใจร่วงวูบ เป็นตามที่คิดเสียแล้ว กระวีกระวาดจัดแจงของที่จำเป็นสำหรับไหว้แล้ว คว้าไฟฉายแล้ววิ่งไปไร่ในทันที หนทางไปไร่มืดสนิทมีแต่ว่าแสงไฟฉายนำทางวูบๆวาบๆ
เมื่อยล้าเกือบจะขาดใจก็เลยถึงไร่
วางของบูชาลงตระเตรียม หัวใจยังเต้นตุ้บๆปากแทบท่องคาถาไม่เป็นคำ
ภายหลังจากว่ามนต์คลายคำสาปแช่งเสร็จ มั่นใจว่ามนต์นั้นถูกคลายแล้วอย่างแน่นอน
เก็บข้าวเก็บของเสร็จวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับมาบ้าน
หอบขึ้นบันได ถามเมียว่าลูกคืออะไร
ภรรยาหันหลังให้ เห็นแม้กระนั้นหัวกับเท้าลูกพิงบนตัก
“ลูกเราเสียแล้วพี่ theshockstory ฮือ..ฮือ…”
คนเป็นพ่อน้ำตาคลอ แข้งขาอ่อนทรุดลงโดยทันที เราช้าไปเสียแล้ว เล่าเรื่องผี หัวใจคิดแม้กระนั้นโทษตนเองว่าช่วยลูกชายไว้มิได้ ก็เลยร้องไห้โฮตามภรรยาอีกคนร่างลูกถูกปกคลุมด้วยผ้าขาว สยองขวัญ บนหัวนอนมีโคมน้ำมันก๊าดจุดไว้ตลอดคืน
รุ่งแจ้งวงศาคณาญาติช่วยกันจัดพิธีฝังศพตามอัตภาพด้วยบรรยากาศที่แสนจะเศร้าโศก
ครอบครัวหนึ่ง จำต้องสูญเสียลูกชายด้วยความคับอกคับใจ สยองขวัญ ผลผลิตในไร่กับชีวิตของลูกชาย หากแลกเปลี่ยนได้อาจไม่เอาอันใดนอกจากชีวิตของลูก
หัวข้อนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับชาวดอยด้วยกันเอง การใช้มนต์ดำเพื่อรักษาผลผลิตก็เลยต้องทำให้ละเอียด แต่สำหรับพ่อที่เสียลูกไป อาจไม่ได้อยากต้องการใช้อีกเลยตลอดชีวิต
หนาวนี้คนไม่ใช่น้อยถูกใจท่องเที่ยวดอยสูง
แม้เจอดอกไม้งามๆผลไม้สวยๆที่แหน่งใดสักที่บนเขา
แล้วคิดจะเด็ดมาชิมหรือดูแล้วละก็
ไม่แน่ว่า อาจมีคำแช่งพ่อเฒ่าชาวเผ่าผู้หวงแฝงอยู่ก็เป็นไปได้
ประเด็นนี้เกิดขึ้นสมัยสองพันห้าร้อยต้นๆยาฆ่าแมลงคงจะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ยุคนั้นจะเป็นการทำเกษตรแบบธรรมชาติเสียมากกว่า ส่วนหัวข้อที่ว่าเด็กอาจเป็นโรคอะไรบางอย่างอันนี้ไม่แน่ขอรับ เพราะเหตุว่าได้ฟังมาอีกครั้งเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆหัวข้อการสาปแช่งมนต์ดำนี่ยังคงคงเหลือขอรับ หากได้โอกาสจะเล่าให้ฟัง